[SF] "เนื้อคู่ประตูถัดไป, ตอน: ไฟดับ [YUNJAE,JREN, by รนรด พฮร วลรว วว33 คค. :) (ครึ่งแรก)




เนื้อคู่ ประตูถัดไปเดอะซีรี่ย์
ตอน : น้ำไม่ไหล


สวัสดีค่ะ
ทุกคนกำลังอยู่กับ 'เนื้อคู่ประตูถัดไปเดอะซีรี่ย์' นะจ๊ะ! ต้องบอกก่อนว่าฟิคเรื่องนี้เกิดมาจาก 4 สาว -รนรด พฮร วลรว วว33- องน้องเร็นจากวง nu'est มาก เลยกรี้ดๆกันออกมาเป็นฟิคเรื่องนี้
พวกเราอยากให้ฟิคเรื่องนี้มีบรรยากาศออกมาประมาณซิทคอม เพราะฉะนั้น ช่วยอินกันด้วยนะคะ 555+

ที่สำคัญ - เนื้อคู่ประตูถัดไปเดอะซีรีย์ของเราจะออกอากาศทุกวันอังคารและพฤหัส เวลาประมาณ 23:45 น.
(ก่อนข่าวห้ามิติ -ห๊ะ!) ~

อีกนิด : เวลาใครพูดถึงฟิคเรื่องนี้ในทวิตเตอร์ ช่วยติดแท๊ก #boynextdoortheseries ด้วยนะ! แล้วเราจะเข้าไปแอบส่อง~









ไฟดับ




030412
10.35 pm.


คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง...

สายลมเย็นพัดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามาสัมผัสกับใบหน้า เย็นสบาย...จนต้องหลับตาพริ้มรับสัมผัสนั้น คืนนี้คิมแจจุง ‘ควีนเจ’ แห่งหออาร์ตในตำนานไม่ได้ออกไปแหล่นยามราตรีที่ไหน เนื่องจากพรุ่งนี้มีเรียนเช้า แถมข้างนอกนั่นก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย พักหลังๆ นี่ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็มีแต่คนแซวเรื่องยุนโฮเต็มไปหมด ดูเหมือนข่าวลือที่ว่า ‘ยุนโฮแจจุงเป็นแฟนกันแล้ว’ จะหนักข้อขึ้นทุกวัน

ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเหตุการณ์ในวัน ‘น้ำไม่ไหล’ เมื่ออาทิตย์ก่อนนั่นแหละ!

นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องทำเพื่อน้ำ 20 ลิตรเพราะจะล้างซันซิลสูตรยูโกะยามาชิตะออกจากหัวนะ
ให้ตายควีนเจก็ไม่ยอมบอกรักไอ้หมีสามเต้านั่นหรอก! ฮึ้ยยยยยยย

ดังนั้นคืนนี้ควีนเจเลยหลีกหนีเรื่องวุ่นวายทุกอย่างเก็บตัวบ่มผิวอยู่ในห้อง โลชั่นก็ทาแล้วตั้งแต่หัวจรดปลายตีน หยิบเอเวียงขึ้นมาจิบให้ผิวสดชื่นใบหน้าสดใสซักสองสามอึก ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วเอาแตงกวากับมะเขือเทศสดมาแปะบนหน้าผาก รอบดวงตา และแก้มที่ใสราวเปลือกไข่เค็ม(?)

นี่แหละที่เค้าเรียกว่าสวยด้วยธรรมชาติ...คิมแจจุงไม่ได้ทำเป็นแต่คอนทัวร์หน้านะ!

ริมฝีปากอิ่มอมยิ้มภูมิใจ ก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยสมองให้ผ่อนคลายกับค่ำคืนอันเงียบสงบ...

“โอม...นัมมึนตรึงโป๊ะ เปรี๊ยะนัมเมียว!!!”

สงบกับผีอะไรล่ะ!!!!!!!!

เฮือก!

ควีนเจถึงกับสะดุ้งลุกจากเตียงแทบไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงปริศนาดังลั่นมาจากเตียงของรูมเมทอีกฝั่ง แตงกงแตงกวามะเขือเทศกระเด็นออกจากหน้าหมดเพราะนางเล่นลืมตัวหันขวับไปมองเพื่อนรักด้วยความตกใจ แม่งงงง เสียของไม่เท่าไร แต่เสียสมาธิในการทำสวยนี่สิที่กูแคร์!

“ทำอะไรน่ะจุนซู!?”

“อย่าเพิ่งแจจุง อย่าเพิ่ง! ฉันกำลังใช้สมาธิ!!” จุนซูยกมือขึ้นห้าม ทั้งที่ตัวเองยังหลับตาปี๋ ส่วนมืออีกข้างก็ถือสร้อยอะไรซักอย่าง เม็ดขนาดเท่าไข่มุกแต่ติดที่มันเป็นสีดำ แจจุงเลยคิดว่ามันไม่น่าจะใช่ไข่มุก

“เปรี๊ยะเปรี๊ยะ แตรตระพรึง สะลึงสะแลมึน เปรี๊ยเปรี๊ยะ!!!!” จุนซูตะโกนลั่นห้องอีกครั้ง ก่อนจะกำข้าวสารในกระเป๋าย่ามข้างตัวแล้วปาใส่ผนังห้องด้านหัวนอน เชี่ยแม่งงงงงง เพื่อนกูอัพเกรดมีข้าวสารเสกเป็นของตัวเองแล้ว!

“จุนซู! ปาข้าวสารทำไม!? เลอะห้อง!” คอยดูนะถ้าพรุ่งนี้มึงไม่เก็บกวาดนะจุนซู กูจะเอาน้ำมนต์มึงไปให้ไอ้ปาร์คล้างตูดให้หมด คอยดู!

“มันไม่ใช่ข้าวสารธรรมดานะแจจุง! มันคือข้าวสารเสก ใช้ปัดเป่าวิญญาณร้ายจากนรกภูมิ!”

“วิญญาณร้ายจากนรกภูมิ?” จากเทพดุริยางค์ ผีนานาชาติ ผีพี่นายอน ......กระทั่งวิญญาณร้ายจากนรกภูมิ

กูว่ามึงหนักมากแล้วจุนซู อาการมึงหนักมากแปรผันตามกิโลกรัมน้ำหนักตัวมึงละเนี่ย!

“ใช่...ตามตำรากล่าวไว้ว่าต้องใช้ข้าวสารเสกกับลูกประคำมะขามป้อมถึงจะกำจัดวิญญาณร้ายพวกนั้นได้”

ห๊ะ...เดี๋ยวนะ...ลูกประคำมะขามป้อม?

“นี่อย่าบอกนะ...ว่าสร้อยที่แกถืออยู่...?”

“ถูกต้องแล้วแจจุง! นี่คือลูกประคำมะขามป้อม! ทำจากเม็ดมะขามป้อมแท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ผ่านการคัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี นี่ฉันสั่งซื้อมาจากชายแดนเขมรเลยนะ!”

จุนซูฉีกยิ้มกว้างอวดสรรพคุณสร้อยลูกประคำในมืออย่างภาคภูมิใจ จุดนี้มันภูมิใจมาก แต่ควีนเจจะเป็นลม! มีเพื่อนเพี้ยนขนาดนี้ฆ่ากูเถอะ อย่าให้กูมีชีวิตอยู่ต่อไปให้อับอายชาวโลกมากไปกว่านี้เลย ฆ่ากูเถอะจุนซู!

แจจุงทำหน้าเพลียมองเพื่อนรักที่เมื่อก่อนรักมากแต่เดี๋ยวนี้ความรักเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นรังเกียจแล้วถอนหายใจ จุนซูยังคงบริกรรมคาถาต่อไป มือข้างหนึ่งนับลูกประคำมะขามป้อมต่อไป ส่วนมืออีกข้างก็ปาข้าวสารเสกบ้าบออะไรนั่นใส่ผนังต่อไป

ควีนเจได้แต่นึกสงสัย...คืนนี้กูจะนอนหลับมั๊ยเนี่ย?

“แกจะปัดเป่าวิญญาณร้ายอีกนานมั๊ยจุนซู? ฉันต้องนอนนะ พรุ่งนี้เรียนเช้า”

“อีกขั้นตอนเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้วแจจุง ขั้นตอนสุดท้ายละ!” หลังจากปาข้าวสารจนหมดย่าม จุนซูก็ลุกขึ้นยืนบนเตียง เอาสร้อยลูกประคำในมือห้อยคอ ปรบมือสามครั้งแล้วกระโดดหมุนตัวสองรอบครึ่ง ก่อนจะยกขายืนกระต่ายขาเดียว

“จะ...จะทำอะไรน่ะจุนซู...?”

“ขั้นตอนสุดท้ายไง เต้นรำบูชายัญ!”

“หา?”

“ต้องเต้นรำบูชายัญเพื่อบวงสรวงยมทูตที่เฝ้าประตูนรก เพื่อให้ท่านยมทูตมาลากตัววิญญาณร้ายกลับไปไง” เอ่อ...เอากะมันสิ...

“เออๆๆ จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ ฉันจะนอน!” จุนซูฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าหลับตาพนมมือบริกรรมคาถาอะไรบางอย่าง ขณะที่แจจุงก็นั่งไขว่ห้างสำรวจเล็บสีช็อคกิ้งพิงค์สลับดำของตัวเองไปพลาง เหล่มองเพื่อนสติไม่สมประกอบไปพลาง อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะบูชายัญท่าไหน

แล้วตอนนั้นเองที่จุนซูลืมตาโพลง!

“บาลาชูบาชู๊ววว ไม่อยากให้เธอได้รู้ ไฟรักกำลังปะทุ รอวันทะลักล้นจายยย~” ร้องเพลงลั่นก่อนจะระบำหน้าท้อง...

ระบำหน้าท้อง
ระบำหน้าท้อง
ระบำหน้าท้อง

เชี่ยแม่ง!!!!!!! คิมจุนซูระบำหน้าท้อง!!!!!!!!!!!!!!!!!
นี่มันคิดว่าตัวเองเป็นอสูรน้อยในตะเกียงแก้วอยู่รึไง!??

แต่จุดนี้ตะเกียงแก้วอาจจะเอาไม่อยู่...
แค่ยัดตูดจุนซูลงไปแจจุงว่าตะเกียงแก้วก็แตกแล้ว!

และขณะที่ควีนเจกำลังจะเป็นลมเพราะรับอสูรยักษ์ในถังน้ำมันไม่ได้ ตอนนั้นเอง...ห้องทั้งห้องที่สว่างไสวก็พลันดับมืดลง!

เฮ้ย ไฟดับ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

“ไฟดับ! ไฟดับอ่ะแจจุงไฟดับ!”

“เออๆ รู้แล้ว ไฟมันตกมั้ง เดี๋ยวคงมาแหละ”

“ไม่ใช่! มันไม่ใช่แค่ไฟตกนะ ต้องเป็นเพราะวิญญาณร้ายพวกนั้นรับรู้แล้วแน่เลยว่าฉันกำลังทำพิธีกำจัดมันอยู่ มันต้องโกรธแน่ๆ! ไม่ได้การละ ฉันต้องหาตัวช่วย ใช่แล้ว! ลิซซี่! ฉันต้องให้ลิซซี่มาช่วย ลิซซี่!!”

“จะไปไหนจุนซู!?” แจจุงคว้าแขนเพื่อนตัวดีไว้ได้ทัน ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งเตลิดพร้อมลูกประคำมะขามป้อมออกจากห้อง

“ไปหาลิซซี่ไง ฉันต้องขึ้นไปทำพิธีบนดาดฟ้า!”

“ไฟมันแค่ตกนะโว้ยยยย อย่าตื่นตูมสิ!”

“ไม่! แจจุงไม่รู้อะไร ที่นี่มีวิญญาณร้ายแฝงอยู่และมันกำลังโกรธ! เมื่อวิญญาณร้าย~ กลายร่าง~ ไม่มีใครยับยั้งเธอได้~”

เดี๋ยวนะจุนซู...นี่แกเกิดทันอังกอร์ภาคแรกที่พีท ทองเจือโอปป้าเล่นด้วยเรอะ!?

“ถ้าเราไม่รีบทำอะไรซักอย่างพลังงานที่แอบแฝงอยู่อาจจะเป็นอันตรายกับคนในหอ...ก็-เป็น-ได้!” กูล่ะเกลียดเหลือเกิน...ไอ้คำว่า ‘ก็เป็นได้’ เนี่ย!

“ฉันไปก่อนนะแจจุง” แล้วจุนซูก็วิ่งออกจากห้องและหายไปในความมืด ทิ้งให้ควีนเจสุดสวยยืนกุมขมับท่ามกลางห้องพักที่เวิ้งว้างและว่างเปล่าอย่างเดียวดาย รู้สึกเหมือนไมเกรนจะขึ้น กูปวดหัว กูเพลีย กูเหนื่อย...กูเหนื่อยใจที่มีเพื่อนอย่างมันมากๆ!

“ซอนเบฮะ~ ซอนเบ~” โชคยังดีที่มีเสียงใสๆ ของเด็กน้อยเร็นจังดังช่วยชีวิต ฮืออออ น้องเร็นของซอนเบ อย่างน้อยๆ ชีวิตนี้ของซอนเบก็ยังมีสิ่งที่สดใสอย่างน้องเร็น ฮือออออ กูซาบซึ้ง!

“น้องเร็นซอนเบอยู่นี่~” ส่งเสียงบอกตำแหน่งไป ก่อนจะต้องตกใจเบาๆ เมื่อถูกตุ๊กตาหน้าบึ้งคนน่ารักโถมเข้ากอดแบบไม่ทันตั้งตัว

“ฮือออ ซอนเบ~ ไฟดับอ่ะซอนเบ มินกิกลัว ฮึก...มินฮยอนก็ยังไม่กลับมินกิอยู่คนเดียว กลัวอ่ะซอนเบ ฮือออออ”

“โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะน้องเร็นของซอนเบ ถ้ากลัวก็มาอยู่กับซอนเบก่อนนะ โอ๋ๆๆ”

ควีนเจลูบหัวลบหลังปลอบเจ้าตุ๊กตาหน้าบึ้งตัวน้อย น้องเร็นนี่น้า~ น่ารักน่าทะนุถนอมจริงๆ แบบนี้ควีนเจยิ่งต้องดูแลไม่ให้คลาดสายตา หมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าจะแต่งตั้งให้เชวมินกิเป็นทายาทอสูร เอ้ย ทายาทควีนคนต่อไป! หึหึหึ

“ก่อนอื่นเราต้องช่วยกันหาไฟฉายก่อน” พอน้องเร็นหยุดร้องไห้ แจจุงก็เริ่มสั่งการทันที

“เดี๋ยวน้องเร็นช่วยซอนเบหาไฟฉายตรงนู้นนะ เดี๋ยวทางนี้ซอนเบหาเอง”

“ฮะ~” รับคำเสียงใส แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันหาไฟฉาย หาอยู่นานสองนั้น ยังไง๊ยังไงก็หาไม่เจอ

“ไม่เจออ่ะซอนเบ”

“งั้นหาเทียนก็ได้ ลองดูแถวๆ เตียงจุนซูซิเผื่อหมอนั่นจะซุกไว้”

“ฮะ ฮะ~” ช่วยกันหาต่อไป กระทั่ง...

“หวา! ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!” มินกิร้องเสียงหลง เสียงนั้นที่ดังลั่นพอจะทำให้ควีนเจผู้สง่างามเสมอพลอยตกใจหัวทิ่มไปด้วย

“เป็นอะไรน้องเร็น!?”

“อะไรไม่รู้ฮะอยู่ใต้เตียงจุนซูฮยอง! ฮือออออออออ ซอนเบมินกิกลัว! ฮือออออออออ” สิ้นเสียงใส แจจุงก็ค่อยๆ คลานไปแถวๆ ใต้เตียงจุนซูที่น้องเร็นกำลังหาเทียนอยู่ พอคลานไปถึงที่หมายก็ต้องผงะถอยหลังด้วยความตกใจ ก้นกระแทกพื้นเลย เจ็บชิบ!

“นะ...นั่นมัน...” สิ่งที่แจจุงเห็นและสิ่งที่น้องเร็นตกใจคือกองทัพตุ๊กตาวูดูผูกสายสิญจน์ที่จุนซูซ่อนไว้ใต้เตียง ตุ๊กตาหน้าตาน่ากลัวนับสิบอัพเกรดความน่ากลัวของตัวเองด้วยรอยยิ้มแสยะ บางตัวก็หัวขาด บางตัวก็ลูกตาหลุด

ฮือออออออออออออออออ คิมจุนซูมึงซ่อนของแบบนี้ไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อไร!!
อาการมึงหนักจนกูจะอยู่ร่วมห้องกับมึงไม่ไหวแล้วนะ! กูกลัวววววววววววววววว!!!

“ซอนเบ ฮึก...มินกิกลัวง่า...”

“ซอนเบก็กลัวอ่ะน้องเร็น ฮือออออออ” แล้วสองสาวสุดเปรี้ยวแห่งหออาร์ตในตำนานก็กอดคอกันร้องไห้อยู่ข้างเตียงและกองทัพตุ๊กตาวูดูพันสายสิญจน์

เวลาผ่านไปซักพัก...เมื่อสงบสติอารมณ์และระงับความกลัวได้ ควีนเจก็เริ่มกลับมาเป็นควีนเจคนเดิมที่เป็นที่พึ่งของน้องเร็นอีกครั้ง แจจุงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพื้นที่ในความรับผิดชอบของจุนซูอีก แม้จะไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องผีๆ สางๆ หรือเรื่องไสยศาสตร์พวกนี้ แต่ให้เข้าไปสุงสิงด้วยก็ไม่ไหว

บางที...ตุ๊กตาวูดูของจุนซูอาจจะมีพลังงานลึกลับแอบแฝงอยู่...ก็เป็นได้...

“นี่น้องเร็น...เดี๋ยวน้องเร็นรอซอนเบอยู่นี่นะ ซอนเบจะไปยืมไฟฉายไม่ก็เทียนห้องไอ้หมีสามเต้าซักหน่อย”

“ไม่เอาอ่ะ มินกิไปด้วยๆ ซอนเบอย่าทิ้งกันสิฮะ!”

“น้องเร็นอยู่นี่แหละ ไฟดับแบบนี้ถ้าไม่มีใครเฝ้าห้องเกิดมีใครเข้ามาขโมยของจะทำไง” หลุยส์เอย มาร์ตินเอย เครื่องสำอางอีก...ถ้าถูกขโมยไปนี่เสียหายหลายแสนนะ!

“แต่ซอนเบฮะ~”

“ห้ามดื้อกับซอนเบนะ เดี๋ยวซอนเบมา” ควีนเจตัดบทแค่นั้นก่อนจะคลำๆ ทางออกจากห้องไป

พอออกจากห้องเลี้ยวแค่ไม่กี่ก้าว ร่างบางๆ ของควีนสุดสวยแห่งหออาร์ตในตำนานก็มายืนอยู่หน้าประตูห้อง 510 แล้ว ก่อนที่คิ้วเรียวสวยที่ผ่านการกันคิ้วถาวรมาอย่างมืออาชีพจะต้องขมวดมุ่น ทำไมห้องไอ้หมีมันเงียบผิดปกติ? จะว่าเพราะไฟดับเลยเงียบก็ไม่ใช่ เพราะต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายไอ้พวกบ้านี่ก็ไม่ได้ระคายเคือง มันยังคงบ้าบอคอแตกกันได้แม้ในวันมามาก! (อะไรมากวะ?)

“หรือพวกมันจะไม่อยู่ห้อง?” แจจุงครุ่นคิด ปกติถ้าไอ้สองตัวนี้อยู่พวกมันก็จะเอะอะโวยวายให้หนวกหูพอๆ กับเสียงบริกรรมคาถาของจุนซู หรือที่เงียบขนาดนี้เพราะไม่มีใครอยู่ห้องกันนะ??

แจจุงทำหน้ายุ่งก่อนจะยกมือขึ้น อันที่จริงจะให้เปิดประตูผางเข้าไปเลยก็ได้อยู่หรอกนะ แต่เผอิญคิมแจจุงมีมารยาทไง

ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!

มึงไม่เปิดเข้าไปแต่มึงทุบประตูห้องเค้าแทบพัง มึงมีมารยาทมากคิมแจจุง!!!

แจจุงทุบประตูอยู่นานสองนานแต่ไม่มีใครเปิด (ย้ำว่าทุบ ไม่ใช่เคาะ) สุดท้ายเจ้าตัวเลยตัดสินใจลองบิดลูกบิดประตูดู

แกร๊ก...

ประตูไม่ได้ล็อคแสดงว่าต้องมีคนอยู่ห้อง ไม่ไอ้ปาร์คก็ไอ้ยุนโฮนี่แหละ บิงโก!

แจจุงเปิดประตูแล้วค่อยๆ ย่องเข้าไปในห้อง 510 ที่มืดสลัว มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่ส่องสว่างลอดผ้าม่านเข้ามา มีแค่พระจันทร์กลมๆ ดวงนั้นจริงๆ ที่พอทำให้แจจุงมองเห็นทางได้อยู่บ้าง

“ยุนโฮ...” ควีนเจลองส่งเสียงเรียก เผื่อไอ้หมีมันจะเข้าห้องน้ำอยู่

“ยุนโฮ” เงียบ...

“ชองยุนโฮ!” ยังเงียบอยู่...

“ไอ้หมีสามเต้า!”

“แบร้!”

“แม่งเหี้ย!!!!!”

“แหม...เหี้ยเต็มปากเต็มคำ...เต็มหน้ากูเลยนะ!”

ชองยุนโฮ ยุนโฮ หรือไอ้หมีสามเต้าของแจจุงบ่นพลางทำหน้าเพลีย ตอนแรกที่แอบอยู่ก็แค่จะแกล้งโผล่มาทำให้ตกใจเล่นเฉยๆ ไม่คิดเลยว่าอิควีนนี่จะตกใจจนเหี้ยเต็มหน้าเขาแบบนี้ ที่ยิ่งไปกว่านั้น...แม่งเหี้ยจนน้ำลายกระเด็นใส่หน้ากูด้วยเถอะ!

“ก็มึงอ่ะเล่นบ้าๆ ไอ้หมี กูตกใจหมด!” ควีนเจเองก็ไม่ยอมแพ้ ใครผิด? กูผิดเหรอที่ตกใจ มึงต่างหาก...ผิดที่แกล้งกู!

“แล้วนี่บุกถึงห้องกูมีไร? คิดถึงพี่มากจนอดใจไม่ไหวเหรอจ๊ะสาวน้อย~”

“น้อยพ่อมึง! กูจะมาขอยืมไฟฉาย”

“ห้องกูไม่มีไฟฉาย”

“งั้นเทียนก็ได้”

“เทียนเหรอ? เดี๋ยวนะ” ยุนโฮเงียบไป จุดนี้แจจุงเริ่มยิ้มได้เพราะไอ้หมีมันพูดเหมือนมีเทียนให้เขายืม ตากลมๆ สีเทามองตามร่างสูงในแสงสลัวเดินไปเปิดตู้หาเทียนอยู่ซักพัก ก่อนปากอิ่มจะคลี่ยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่ายุนโฮหยิบเทียนไขสีเหลืองๆ ที่เหมือนถูกใช้ไปแล้วครึ่งเล่มออกมา

“อ๊ะ กูขอยื...ม....” พูดยังไม่ทันจะจบประโยค ไอ้หมียุนโฮมันก็ขว้างเทียนในมือลอยละลิ่วออกหน้าต่างไปซะงั้น!

ไอ้หมีบ้า ไอ้หมีสามเต้า มึงขว้างเทียนทิ้งไปทำม๊ายยยยยยยยยยย!!

“กูขอโทษนะจวง เมื่อกี๊กูมีเทียนให้มึงยืม แต่ตอนนี้กูไม่มีแล้วอ่ะ” ว่าแล้วก็ทำหน้าเศร้า...

หนอยยยยยยยยยยยยยยย...ไอ้ตอแหล!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
มึงควรจะมีเทียนให้กูยืม มึงมีแน่ ถ้ามึงไม่จงใจขว้างมันทิ้งเมื่อกี๊นี้น่ะ!

“เชี่ยยุน ฮึ่มมมม นี่มึงจงใจแกล้งกูใช่มะ!?” ควีนเจวีนลั่น เสียงแปดหลอดชนิดดังไปถึงใต้ถุนหอ

“เออ” ขณะที่คนถูกวีนก็หาได้สะทกสะท้านไม่ ยุนโฮโปรยยิ้มระดับห้า ก่อนจะยักคิ้วสองทีเป็นการปลุกเร้าตีนควีนเจให้กระตุกมาฟาดปาก

“ก็ได้! ไม่ให้กูยืมใช่มั๊ย กูกลับก็ได้ จำไว้เลยมึง!” ชี้หน้าคาดโทษแค่นั้น ก่อนจะสะบัดหน้างอนๆ หันหลังกลับ แต่ยังไม่ทันจะก้าว แขนของควีนเจก็ถูกมือใหญ่ๆ ของใครบางคนคว้าหมับไว้ซะก่อน

“อะไรของมึงอีก! ปล่อยกูเลยนะไอ้หมี!”

“จะกลับแล้วเหรอ?”

“เออสิ! มึงไม่มีห่าไรให้กูยืมเลยแล้วกูจะอยู่ทำไม!?”

“ก็อยู่เป็นเพื่อนกูก่อนไง...”

“ห๊ะ?” ควีนเจถึงกับงง ไอ้หมีจะให้เขาอยู่เป็นเพื่อน? มันจะมาไม้ไหนของมันอีกวะ?

“ไฟดับกูอยู่คนเดียวกูกลัวผีอ่ะ มึงอยู่เป็นเพื่อนกูนะจวง นะๆๆ” เสียงแบบนี้...น้ำเสียงออดอ้อนแบบนี้...แม่ง...ไม่น่าไว้ใจชิบหาย! หมีถึกอย่างไอ้ยุนโฮเนี่ยนะจะกลัวผี? อมพระประธานมาซักเก้าวัดกูก็ไม่เชื่อ!

“ไม่!” เหอะ...ไม่เอา ไม่ไว้ใจ ยังไงควีนเจก็ไม่ขอเสี่ยง

“โธ่ จวงอ่า~ อยู่เป็นเพื่อนเค้าก่อนนะเตงงง เค้ากลัวผีชิงๆ นะ อยู่เป็นเพื่อนเค้าน้าควีนเจคนสวย~” น้ำเสียงมึงตอแหลมากชองยุนโฮ ตอแหลจนกูขนลุก! ระดับความไม่ไว้วางใจที่กูมีให้มึงถึงจุดแม็กซิมัมแล้ว!

“ไม่อาววว กูจะกลับห้อง! ปล่อยกู๊วววว” แจจุงพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือใหญ่ๆ ของยุนโฮ แต่ก็หลุดไปได้นิดเดียว พอทำท่าจะวิ่งหนีก็โดนกระชากลากถู(?)กลับมาอีก และสเต็ปนี้แม่งไม่ธรรมดา เมื่อแรงเหวี่ยงบวกแรงโน้มถ่วงของโลกหารด้วยโมเมนตัมคูณด้วยแรงจลน์ ผลสุดท้ายได้ออกมาเป็นร่างบางๆ ของควีนเจที่เซแถดๆ จากแรงดึงเข้าประทะกับอกแกร่งของยุนโฮแบบพอดิบพอดี

ไม่ใครก็ใครแม่งต้องดูซีรี่ย์มากไป ไม่งั้นพระนางไม่เซเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันได้องศาเป๊ะขนาดนี้!

“จับได้แล้ว...” ก่อนเสียงนุ่มจะกระซิบแผ่วๆ ที่ข้างหู คำพูดธรรมดาๆ แผ่วเบา...ที่แม่ง...ทำใจสะเทือนชิบหาย!

“ปะ...ปล่อยกูนะ...” ควีนเจเริ่มเสียงอ่อนลง อ่อนลง ไม่รู้ทำไม...พออยู่ในอ้อมกอดป้อจายแล้วแข้งขามันหมดแรงทุกที ถุยยยย อิสาวน้อย!

“เดี๋ยวกูค่อยปล่อยได้มั๊ยอ่ะ? ตัวมึงนิ๊มนิ่มแหละจวง~” ไม่พูดเปล่า...ซ้ำยังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ยุนโฮกอดแจจุงเข้าไปทั้งตัว กอดแน๊นแน่นจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของกันและกันอยู่แล้ว

“มึง...มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลย ปะ...ปล่อยเลยนะ!...”

“เฮ้ย ไม่นิ่มอย่างเดียวนะเนี่ย ตัวมึงหอมด้วยอ่ะ” ว่าแล้วก็ยื่นจมูกมาใกล้ๆ ฟุดฟิดๆ แถวๆ ซอกคอข้างซ้าย

“ข้างนี้ก็หอมว่ะ” แล้วก็ย้ายไปฟุดฟิดๆ แถวซอกคอข้างขวา

เชี่ยแม่งงงงงงงงงงงงงงงง ไอ้ยุนโฮ! กูเขินเถอะ!!!!!!!!!!!!!!!!
เอาปลายจมูกมาเฉียดคอกูอยู่ได้!!!!!!!!!! จะไซร้ก็ไซร้เลยสิวะ!!!!!!!!!!!!!!!!! (ห๊ะ?)

“งื้ออออออ ไอ้ยุนโฮกูไม่เล่นแล้ว ปล่อยกูนะๆๆๆๆ” กูเขินจะแย่แล้วสัดดดดด อย่าทำกูเขินมากไปกว่านี้ จะหอมก็หอม จะไซร้ก็ไซร้ อย่าลังเลและอย่าลีลา ท่ามากแล้วกูเขิน!

“เดี๋ยวๆ กูขอดมอีกนิด มึงแม่งหอมว่ะ”

“ย๊ากกกกกกก ไม่เอา กูบอกให้ปล่อยไง๊!!” แล้วควีนเจก็ออกแรงผลักแถมถีบจนยุนโฮกลิ้งหลุนๆ ลงไปกองที่พื้นดังโครม แม่ง เกือบไปแล้ว ซอกคอกู...เกือบเสียความบริสุทธิ์ให้ไอ้ยุนโฮมันซะแล้ว

“มึงลวนลามกู มึงชั่วมาก!”

“กูลวนลามที่ไหน? ที่ทำไปนั้นไซร้แค่พิสูจน์กลิ่น” แม่ง ขนาดมีแค่แสงจันทร์สลัวๆ ควีนเจยังมองเห็นเลยว่าไอ้หมีบ้านั่นกำลังส่งยิ้มระดับห้ามาให้เขาอยู่

“กลิ่นพ่อมึงสิ!”

“พ่อกูอนาคตก็พ่อมึงด้วยนั่นแหละ” ปรี๊ดดดดดดดดดดดดด คิมแจจุงรู้สึกเหมือนเลือดทั้งร่างสูบฉีดมารวมกันที่หน้า

กูไม่ได้โง่นะขอบอก ถึงกูสวยแต่กูไม่โง่นะ!
กูเข้าใจความหมายที่มึงต้องการจะสื่อนะไอ้บ้ายุนโฮ!!

โอยยย ให้ตายเถอะ กูน่าจะเกิดมาโง่ กูไม่น่าฉลาดเข้าใจเลย
แม่งเอ๊ยยย กูเขินอีกแล้ว!

“อะ...ไอ้...ไอ้........”

“เขินจนคิดคำด่าไม่ออกล่ะสิมึง” แม่งรู้ทันกูอีก!

“หน้ามึงแดงอ่ะจวง ฮ่าๆๆ” ฮืออออออออ มืดขนาดนี้แม่งยังเสือกมองเห็นว่ากูหน้าแดง ไอ้บ้ายุนโฮ ไอ้หมีสามเต้า ไอ้ยุนตาทิพย์ ไอ้ๆๆๆ ไอ้สารพัดไอ้! ฮือออออออออออ

“ฮึ้ยยยยย” พอทำอะไรไม่ได้ แจจุงก็สะบัดหน้างอนๆ ทำท่าจะหนีออกจากห้อง ขอกูกลับไปนอนคิดก่อนว่ากูจะด่ามึงว่าอะไร แล้วพรุ่งนี้เช้ากูจะกลับมาด่ามึงใหม่ไอ้หมี! แค้นนี้อีกซักสิบปีก็ยังไม่สาย ถ้ามึงไม่ตายกูไม่ตาย ซักวันมันต้องได้สะสาง!

แต่พอถึงประตูห้อง...ตอนที่แจจุงหมุนลูกบิดประตูและกำลังจะเปิดออกไป...ตอนนั้นเอง...

กึก...กึกกึก...กึก...

ทำไมประตูเปิดไม่ออก?
ทำไมบิดลูกบิดแล้วประตูไม่เปิด?

กึกๆๆๆๆๆๆๆๆ

แจจุงลองใหม่อีกที แต่ก็เหมือนเดิม...เปิดไม่ออก...

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!

“มึงๆ ไอ้ยุนโฮ ทำไมประตูห้องมึงเปิดไม่ได้อ่ะ!”

“จะเปิดไม่ได้ได้ไง กูไม่ได้ล็อค ถึงล็อคมึงก็เปิดจากข้างในได้”

“ก็กูเปิดไม่ได้จริงๆ เนี่ย!”

“ไหนๆ มึงหลบดิ๊”

กึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เออ..............................แม่งเปิดไม่ได้จริงๆ ด้วย....

“เอ้า ชิบหาย...”

“หายแล้วมึงต้องหาให้เจอเลยนะ มึงหาวิธีเปิดประตูให้ได้เลยนะ!”

“กูจะหายังไงล่ะครับมึงงงง กูยังงงอยู่เนี่ยว่ามันเปิดไม่ได้ได้ไง!?”

“ลูกบิดห้องมึงพังรึเปล่า?”

“กูว่าไม่น่าใช่...เพราะกูเพิ่งซื้อมาเปลี่ยน อันเก่าไอ้ปาร์คแม่งแทะพังไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว”

“งั้นมึงลองนึกซิๆๆ สาเหตุอื่นอ่ะมึง ลองนึกดีๆ ซิ”

“สาเหตุอื่นเหรอ...??” ยุนโฮเก๊กหน้าครุ่นคิด ยกมือขึ้นเกาคางด้วยท่าทางโคตรมีสมอง

ถ้าลูกบิดไม่ได้พัง ถ้ากูไม่ได้ล็อคจากข้างใน
สาเหตุที่ทำให้ประตูเปิดไม่ได้จะมีก็แต่...............

“หรือประตูแม่งจะถูกล็อคจากข้างนอก?”

“หา?”

“มึงก็รู้นี่ว่าประตูหอเรามันล็อคด้วยแม่กุญแจข้างนอกได้อีกชั้น...”

“เออ...จริงด้วย.......” พอคิดตาม แจจุงก็เริ่มพบหนทางสว่าง เริ่มมองเห็นความจริง

“ละ...แล้ว...แล้วมึงว่าใครมาล็อค แล้วทีนี้...กูจะออกไปยังไง?” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ หวังเพียงยุนโฮจะให้คำตอบที่ดีที่สุดได้ แต่เปล่าเลย...ยุนโฮแค่ไหวไหล่แล้วตอบว่า...

“กูก็ไม่รู้” สิ้นเสียงนั้น ควีนเจก็รับรู้ในชะตากรรม แต่เขาจะไม่ยอม จะไม่ขอยินยอมรับในชะตากรรมอันแสนเลวร้ายนี้เด็ดขาด!

“ปล่อยกูออกไปนะ! พวกมึงงงงงงง ใครอยู่ข้างนอกปล่อยกูออกไปเดี๋ยวนี้!” หวังเพียงใครซักคนได้ยินแล้วช่วยเหลือ...

“อย่าให้กูรู้นะว่าใครจงใจแกล้งขังกูอยู่ในห้องกะไอ้หมีบ้านี่ อย่าให้กูจับได้นะ!! เปิดประตูโว้ยยยยย!” หวังเพียงใครซักคนได้ยินแล้วเห็นใจ...

“ไอ้เลววว ไอ้พวกชั่วววว ปล่อยกูววววววว เปิดประตูเดี๋ยวเน๊!!” คิมแจจุงได้แต่อ้อนวอนร้องขออย่างน่าสงสารต่อไป...

...และต่อไป...

.
.
.

ขอตัดกลับมาที่ห้อง 511 นิดนึง

ตุ๊กตาหน้าบึ้งนามว่ามินกิเริ่มนั่งไม่สุข ซอนเบออกไปยืมไฟฉายกะเทียนไขห้องยุนโฮฮยองนานมากแล้วนะ ฮืออออ นี่ไปยืมของหรือไปทำไรเนี่ย ไม่ใช่ว่าไปตีกันตายที่ห้อง 510 แล้วหรือออออ เอ๊ะ หรือว่า...หรือว่า...หรือว่ายุนโฮฮยองจะบรรยากาศพาไป อดใจไม่ไหวจับซอนเบปล้ำไปแล้ว!?

จะได้กันก็ได้ไปแต่ช่วยเอาไฟฉายมาให้มินกิก่อนได้มั๊ยยยย เค้ากลัวววว! ฮือออออออ

“ซอนเบง่า...” คนน่ารักเริ่มเบะปาก กูอยากร้องไห้ครับ มองไปทางไหนก็เจอแต่ความมืด มืดไม่พอแม่งเสือกหลอนอีก แสงจันทร์ตกกระทบทำมุมเงยได้องศาพอดีกับตุ๊กตาวูดูของจุนซูฮยองเป๊ะ! เชี่ยมาก มันหลอนเชี่ยมากๆ รู้สึกเหมือนอิวูดูนั่นจะสิงร่างกูเลยอ่ะ ฮึกๆๆ

“ไม่เอา...ไม่อยู่แล้ว...” พอตัดสินใจแน่วแน่ ร่างเล็กก็วิ่งดุ๊กๆ ออกจากห้อง และจังหวะที่ขากำลังจะก้าวพ้นเขตแดนห้อง 510 นั้นเอง

“เชวมินกิ!!”

“เหี้ยยยยยยย!!!” เจ้าของชื่ออุทานอย่างสุภาพเสียงลั่น ก่อนจะประเคนตีนให้ผู้ไม่หวังดีที่อยู่ๆ ก็โผล่หน้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ใครแกล้งกูกูไม่รู้ แต่จุดนี้กูตกใจ พอกูตกใจระบบประสาทกูเลยป้องกันตัวเองอัตโนมัติ!

โครม!

“อูยยย...ตีนหนักชิบ...” ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโอดโอยดังอยู่ใกล้ๆ ปลายเท้า เสียงนี้คุ้นๆ แฮะ เหมือนเสียงไอ้ขี้เก๊กบางคนเลย

“ตกใจได้แมนมากอ่ะไอ้ตุ๊กตาหน้าบึ้ง!”

“จงฮยอน?”

“เออเด่ะ” นั่นไง!...ถึงว่าเสียงโคตรคุ้น! พอรู้ว่าเป็นใครคนน่ารักก็มุ่ยหน้า นี่ถ้ารู้แต่แรกว่าเป็นไอ้บ้าเจอาร์นะ...เมื่อกี๊จัดขาคู่ให้เลยเถอะ!

“เห็นตัวเล็กๆ ตีนหนักจังเลยนะเรา”

“สมน้ำหน้า! เล่นอะไรบ้าๆ!”

“ตกใจเหรอ?”

“ก็เออสิ!” ตอบเสียงลั่นแค่นั้น ก่อนจะสะบัดหน้าม้าใส่คนตัวโตกว่า(นิดนึง) ไอ้บ้าเจอาร์แม่งโรคจิต ชอบแกล้งเขาตลอด เอะอะแกล้งเอะอะแกล้ง เจอหน้ากันทีไรมันหาเรื่องมาแกล้งได้หมดตั้งแต่สากกะเบือยันเรือยอร์ช

ขณะที่คนถูกงอนก็ได้แต่อมยิ้ม ขนาดมีแค่แสงจันทร์สลัวๆ ส่องมาให้แสงสว่าง เขายังมองเห็นเลยว่าเจ้าตุ๊กตาหน้าบึ้งของเขาทำหน้างอนได้น่ารักแค่ไหน ก็เพราะเงี้ยแหละน้า...เจอหน้ากันถึงอดใจไม่ไหว ยั้งใจตัวเองไม่แกล้งไม่ได้ทุกที

“แล้วนี่มาทำอะไรห้องนี้? ทำไมไม่อยู่ห้องตัวเอง??”

“ก็...ก็...ก็ไฟดับ...เลยจะมาอยู่กับซอนเบ...”

“ไอ้มินฮยอนยังไม่กลับ?”

“อื้ออ”

“แล้วแจจุงฮยองไปไหนแล้วล่ะ?”

“ก็ซอนเบไปยืมไฟฉายห้องพี่นายนั่นแหละ! ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย...”

“อู้วว...ยืมไฟฉายกันไปถึงไหนถึงไหนแล้วมั้งงงง...”

“นั่นสิ...” คนตัวเล็กพยักหน้าครุ่นคิดหงึกๆ จุดนี้มินกิแอบเห็นด้วยกับจงฮยอน ใครมองก็รู้ว่าซอนเบกับยุนโฮฮยองแอบมีใจให้กัน แต่ต่างคนต่างซึน ปากแข็ง ไม่ยอมรับทั้งคู่ คนนึงก็ทำมึนเข้าแกล้ง ส่วนอีกคนก็จัดวีนเหวี่ยงใส่ เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องแสดงความรักด้วยความรุนแรง ตีกันวอดวายทุกที

เอ๊ะ...ลักษณะนี้...ทำไมมันคุ้นๆ จังวะ??

“ไปอยู่ห้องฉันก่อนมั๊ย?”

“หะ...หา?” ตายล่ะ...น้องเร็นถูกผู้ชายชวนเข้าห้อง!

“ก็ไม่อยากอยู่คนเดียวใช่มั๊ยล่ะ? ไปนั่งเล่นห้องฉันก่อนก็ได้...หรือไม่...เราก็ออกไปหาไรกินข้างนอกกัน ไฟมาค่อยกลับ” คนดี...แลดูคนดี...ทำไมวันนี้ไอ้เจอาร์มันคนดีผิดปกติ! ไม่สิ...ตั้งแต่วันที่มันมาช่วยขยี้ผ้านั่นแล้ว ซักไม่เป็นยังกระแดะมาขอช่วย พักนี้มันเป็นไรของมันเนี่ย!

“ผีเข้าสิงนายป่ะ? ทำไมดูคนดี๊คนดี?? หรือคิดแผนจะแกล้งกันอยู่ใช่มะ!?”

“คิดมากน่า...ฉันแค่.........”

“แค่อะไร?”

แค่อยากอยู่ข้างๆ นาย....อยากใกล้ชิดนาย...ก็แค่นั้น...................

“แค่สงสารเด็กตาดำๆ เท่านั้นหรอก...”

“หนอยยยย! ไอ้เจอาร์! ไอ้ขี้เก๊ก! ตัวเองโตตายแหละ!!” คนถูกด่าไหวไหล่ ไม่ใส่ใจ อยากด่าด่าไปครับ นอกจากผมจะปากไม่ตรงกับใจ...เรื่องไม่แคร์คำด่านี่ผมก็ถนัด โดยเฉพาะคำด่าของคนน่ารักๆ เนี่ย...ชิ๊นนนชิน

“ก็โตกว่านายหน่อยนึงละกัน ว่าไง? ไปไม่ไป?? ถ้าไม่ไปก็อยู่คนเดียวนะ อยู่กับตุ๊กตาวูดูของจุนซูฮยองนั่นแหละ” ว่าแล้วก็ทำหน้าเหนือให้คนตัวเล็กรู้สึกหมั่นไส้เล่นๆ ใช่ซี้...แกมีไม้ตายเป็นตุ๊กตาวูดูของจุนซูฮยองนี่!

มินกิกำลังคิดหนัก เอาไงดีวะ...ไปไม่ไป? ถ้าไปก็จะผิดต่อหลักอุดมการณ์ แต่ถ้าไม่ไป...เราอาจจะโดนพลังงานที่แฝงอยู่ในตุ๊กตาวูดูนั้นสิงร่างก็เป็นได้...

“ถ้าไม่ไปฉันไปล่ะนะ”

“เดี๋ยวก่อน!” มือเล็กๆ คว้าหมับที่ชายเสื้อของคนที่กำลังจะเดินหนี เจ้าของเสื้อถึงกับหันขวับ ไม่ใช่ว่ารอจังหวะงอนง้อนี้แบบในละครอยู่หรอกนะ แต่ไอ้ตุ๊กตาหน้าบึ้งแม่งดึงเสื้อเกือบขาด กระชากทีใจกูสะเทือนเลย ตัวนี้ซื้อมาแพง TT

“ปะ...ไปก็ได้...” แต่บังเอิญคำตอบถูกใจ แถมคนตอบก็น่ารักโดนใจ กูให้อภัยครับผม!

จงฮยอนแอบอมยิ้มในความมืด ก่อนจะพยักหน้าสองสามทีแล้วบอกให้มินกิเดินตามมา ทั้งสองคนกำลังจะเลี้ยวลงบันไดไปอีกทางอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่ามีเสียงโครมครามตึงตังของใครบางคนดังโวยวายมาจากห้อง 511 ซะก่อน

“นั่นมันเสียงซอนเบนี่!”

“ไอ้เลววว ไอ้พวกชั่วววว ปล่อยกูววววววว เปิดประตูเดี๋ยวเน๊!!”

มินกิรีบวิ่งดุ๊กๆ ไปหน้าประตูตามเสียงนั้น ก่อนจะเห็นว่าที่หน้าห้อง 511 มีแม่กุญแจอันเบ้อเริ่มล็อคอยู่จากด้านนอก เดี๋ยวนะ? ซอนเบอยู่ข้างในกับยุนโฮฮยอง? แล้วประตูห้องนี่ถูกล็อคจากข้างนอกแบบนี้ได้ไง??

“สงสัยต้องมีคนแกล้งซอนเบของนายกับพี่ชายฉันแหงๆ” อ๊ะ...ฉลาดมากเจอาร์...

“แล้วเราจะช่วยสองคนนั้นยังไงดีอ่ะ?”

“ไม่ต้องช่วยหรอก...ปล่อยไว้งี้แหละ”

“เห?”

“สองคนนั้นจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพังไง เผื่อบรรยากาศพาไปจะได้ลงเอยกันซักที”

“ที่นายพูดก็มีเหตุผล...”

“ใช่มะ? เพราะงั้นเราเลิกสนใจสองคนนั้นแล้วไปกันดีกว่า” ตัดบทแค่นั้น ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าหมับที่มือเล็กๆ ของอีกคน การกระทำอันอุกอาจที่เล่นเอาตุ๊กตาหน้าบึ้งถึงกับเก๊กบึ้งต่อไปไม่อยู่ มินกิอ้าปากพะงาบๆ มองมือตัวเองที่ถูกคนตรงหน้าจับไว้แน่นสลับกับใบหน้าของอีกฝ่าย ถึงจะอยู่ในเงามืดแต่เขาก็มองเห็นลางๆ ว่าไอ้บ้าเจอาร์กำลังอมยิ้ม

รอยยิ้มแบบนี้...ยิ้มกวนๆ แบบนี้...
เหมือนยิ้มระดับห้าที่ยุนโฮฮยองชอบยิ้มให้ซอนเบเลย!

งื้ออออออออออออออ น้องหัวใจอย่าสั่นสิ!
หยุดสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหวหกจุดห้าริกเตอร์เดี๋ยวนี้นะน้องหัวใจ!!

“จะ...จับมือทำไม...”

“เดี๋ยวหลง...” ทำไมนะ...ทำไมวันนี้เสียงของไอ้บ้าเจอาร์มันถึงนุ่มผิดปกตินะ

“...น่ารักขนาดนี้หลงหายไปเสียดายแย่เลย” ก่อนประโยคที่เบาแสนเบาราวเสียงกระซิบอีกประโยคจะดังตามมา ประโยคที่เหมือนพึมพำกับตัวเอง เหมือนไม่ตั้งใจให้ได้ยิน แต่ขอโทษ...มินกิได้ยินเต็มสองรูหู ได้ยินชัดเจน ก็เล่นอยู่ใกล้กันซะขนาดนี้...

งื้อออออออออออออออออออ น้องหัวใจไหวมั๊ย!?
สะเทือนไปแปดจุดเก้าริกเตอร์แล้วมั้งเนี่ย!!!

.
.
.




Reply · Report Post